รายงานข่าวด่วน ประจำวันที่ 21 April 2025 : 9:10 PM by VWANDER Services
ททท.ลุยขายเสน่ห์อีสาน 4 กิจกรรมใหญ่ “แฟนชั่นผ้า-อีสานเขียวเที่ยวหน้าฝน-พรีเมี่ยมกอล์ฟ-ทัวร์ริมฝั่งโขง” ผนึกหลายแพลตฟอร์มใหญ่ “ลดแลกแจกแถม” ตลอดปี เดินหน้าผลักดัน 3 เทศกาล “ดนตรี-ผีตาโขน-บั้งไฟ” โกอินเตอร์ รอข่าวดี “ครม.สัญจร” 28-29 เม.ย.68 ที่นครพนม พลิกโฉมเศรษฐกิจท่องเที่ยวอีสานคึกคัก
นายอรรถพล วรรณกิจ ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวทั่วภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เร่งส่งเสริมตลาการขายท่องเที่ยวเสน่ห์อีสาน ระหว่างพฤษภาคม-สิงหาคม 2568 ด้วย 4 กิจกรรม กิจกรรมแรก “อีสานเขียว ท่องเที่ยวหน้าฝน” ต้อนรับฤดูสัมผัสธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ชวนไปชมทุ่งดอกกระเจียวบานสวยงาม และการท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติทั่วอีสานสัมผัสสายฝนเย็นฉ่ำเที่ยวได้จนถึงสิงหาคมนี้ มีอีกกว่า 10 แห่ง เช่น อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติทับลาน ในอำเภอวังน้ำเขียวและปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ต่อเนื่องถึงอุทยานแห่งชาติไทรงาม อุทยานแห่งชาติน้ำตกตาดโตน อุทยานแห่งชาติภูแลนคา จังหวัดชัยภูมิ
กิจกรรมที่ 2 “อีสาน สะบัดผ้า เปลี่ยนทุกท่วงท่า ให้เป็นรันเวย์” นำต้นทุนทางวัฒนธรรม “ผ้าฝ้ายและผ้าไหม” ภาคอีสานมาผสมผสานอย่างเหมาะสม Mix & Match นำร่องจัดเมื่อเร็ว ๆ นี้ทำแฟชั่นโชว์ที่ถนนคนเดิน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ทำให้แฟชั่นผ้าสวมใส่ได้ “บ่อย ๆ ทุกที่ ทุกเวที”
กิจกรรมที่ 3 “อีสานพรีเมี่ยม กอล์ฟ” สร้างความสนุกสนาน ในนครราชสีมา ขอนแก่น หนองคาย อุดรธานี ซึ่งมีสนามกอล์รองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงจำนวนมาก
กิจกรรมที่ 4 การท่องเที่ยวเชื่อมโยงริมฝั่งโขง จังหวัดหนองคาย สัมผัสธรรมชาติหินสามวาฬ พิชิตถ้ำนาคี/นาคา ขอพรความสุข ความสำเร็จ ที่จังหวัดบึงกาฬ
ผอ.อรรถพล กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเตรียมจัดประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร วันที่ 28-29 เมษายน 2568 ที่จังหวัดนครพนม คาดจะมีนโยบายที่ส่งผลดีกับโครงสร้างพื้นฐานและการท่องเที่ยวอีกหลายเรื่องทำให้เศรษฐกิจภาคอีสานคึกคักมากยิ่งขึ้น ททท.จึงเร่งกระตุ้นการท่องเที่ยวหลังสงกรานต์ผ่านงานต่าง ๆ โดยเฉพาะ “เทศกาลดนตรี” นำเสนอจุดขาย “ประเพณีศรีอีสาน วิถีแห่งศรัทธา” ควบคู่กันไป โดยมีฮีตสิบสองคลองสิบสี่กำหนดทิศทาง กิจกรรมท่องเที่ยวแต่ละเดือนต่อเนื่อง ได้แก่ “บุญเดือน 6” เที่ยวงานบั้งไฟ ยโสธร ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ “บุญเดือน 7” การละเล่นผีตาโขน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย 28-30 มิถุนายน 2568 “บุญเดือน 8” งานประเพณีแห่เทียนอุบลราชธานี 7-13 กรกฎาคม 2568
แล้วอีสานยังไฮไลต์การท่องเที่ยวอัตลักษณ์เด่น ๆ เสน่ห์มุมใหม่ให้ปักหมุดเลือกเที่ยวได้ตลอดทั้งปีให้ครบ “5 ชุมชน” ได้แก่
1.ชุมชนบ้านเลิศสวัสดิ์ ตำบลตลาดขาว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ได้รับรางวัลท่องเที่ยวดีเด่น Thailand Tourism Awards
2.ชุมชนบ้านนาเชือก อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร เป็นดินแดนแห่งความสนุกกับการเรียนรู้ลงมือทำ D.I.Y.และเมืองคราม
3.ชุมชนกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย เป็นชุมชนแห่งประวัติศาสตร์ ธรรมชาติงดงามหนึ่งในโมเดลการพัฒนาอย่างยั่งยืน
4.ชุมชนบ้านเดื่อ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย สถานที่พักผ่อนเงียบสงบใกล้ชิดธรรมชาติ เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวชมการทำผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติด้วยผลมะเดื่อ สะท้อนถึงภูมิปัญญาพื้นบ้าน
5.ชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี อยู่ติดริมแม่น้ำโขงเป็นแหล่งเรียนรู้ผ้ามัดหมี่ทอมือ พิพิธภัณฑ์บ้านขุนภูรีประศาสตร์ พิพิธภัณฑ์วัตถุโบราณของเขมราฐ และสามารถขอพรพระเจ้าใหญ่องค์แสน (วัดโพธิ์) ได้ด้วย
ผอ.อรรถพล กล่าวว่า ททท.กำลังผลักดันงานประเพณีอีสานสู่ตลาดนานาชาติ ร่วมกับ The Standard นำ The Secret Sauce มาจัดสัมมนาที่ขอนแก่น หัวข้อ “การท่องเที่ยววันนี้ และอนาคต” ในฐานะพื้นที่ศักยภาพสูงตอนนี้มีสนามบินนานาชาติหลายแห่งอย่าง ขอนแก่น อุดรธานี และอีกหลายจังหวัดพร้อมรองรับเครื่องบินโบอิ้ง แอร์บัส ขนาดใหญ่ และมีโรงแรมมาตรฐานสากลจำนวนนับพันห้อง และทุกภาคส่วนพร้อมร่วมมือกันยกระดับ 3 เทศกาล โกอินเตอร์ ได้แก่
เทศกาลที่ 1 “ดนตรีพื้นบ้าน” มีหมอลำใช้เครื่องดนตรี แคน พิน โหวต บอกเล่าวิถีชีวิต ยกระดับเป็นวงขนาดใหญ่ ผสมผสานเข้ากับดนตรีสากล ร็อก เรกเก้ สร้างชื่อเสียงติดตลาดโลก ทำให้ปัจจุบันอีสานจัดเทศกาลดนตรีประจำปีมีต่างชาติซื้อตั๋วบินและเข้าชมต่อเนื่องทุกปี ได้แก่ “เฉียงเหนือ เฟสติวัล” กับ อีสานเขียว จังหวัดขอนแก่น
เทศกาลที่ 2 การละเล่นผีตาโขน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย เป็นผีน่ารักสนุกสนานสวยงามของคนในชุมชน ยกระดับสู่ระดับจังหวัด เทียบชั้นคาร์นิวัลในบราซิล
เทศกาลที่ 3 งานบุญบั้งไฟ ตะไลหมื่น ตะไลล้าน จังหวัดยโสธร ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ มีความมหัศจรรย์ด้วยเสน่ห์วิถีอีสาน ที่จะผลักดันสู่ตลาดสากลได้เช่นกัน
งานเทศกาลประเพณีอีสานแต่ละอย่าง ททท.ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลให้โอกาสนำเสนอขายรายการใหญ่สุดของโลก ITB Berlin 2025 นำร่องเสนอขายครั้งแรก “แม่โขง ริเวอร์” ท่องเที่ยวริมฝั่งโขง 3 จังหวัด หนองคายนครพนม อุดรธานี เป็นความเชื่อ ความสงบ อบอุ่น ของคนในพื้นที่ แฝงด้วยอัตลักษณ์การแต่งกาย เสื้อผ้า อาหาร เป็นเสน่ห์ให้นักท่องเที่ยวยุโรปเห็นถึงเสน่ห์ที่จะเดินทางมาเที่ยวเพิ่มมากขึ้นปูทางสู่ตลาดต่างประเทศในอนาคตต่อไป
ปี 2568 ททท.ภูมิภาคภาคอีสาน ทำกลยุทธ์กระตุ้นตลาดร่วมกับพันธมิตรแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวชั้นนำทำโปรโมชั่นตามช่วงเวลาเหมาะสม “ลด-แลก-แจก-แถม” ทั้ง ที่พัก ร้านอาหาร ตั๋วโดยสารเครื่องบิน รถเช่า และอื่น ๆ นำโดย “KLOOK” จองที่พัก การเดินทาง แอปพลิเคชั่น “ShopBack” เที่ยวให้ครบตามเงื่อนไขในเส้นทางเป้าหมายจะได้รับเงินคืน “Traveloka” แจกโค้ดส่วนลดคุ้มค่า 18-20 % เมื่อจองโรงแรม ร้านอาหาร ในอีสาน กระจายตาม 18 เมืองน่าเที่ยว และเมืองหลัก 2 จังหวัด
ขณะที่การท่องเที่ยว “เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์” เมื่อ 12-16 เมษายน 2568 อีสานประสบความสำเร็จหลายพื้นที่ ในฐานะภูมิภาคที่มีประเพณีโดดเด่นของประเทศ ทั้งภูมิภาคทำอัตราพักเฉลี่ยถึง 68 % มีนักท่องเที่ยวรวม 1.2 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้หมุนเวียนกว่า 2,020 ล้านบาท ประกอบด้วย
“ขอนแก่น” มีนักท่องเที่ยวเข้าร่วมสนุกเล่นคลื่นมนุษย์และกระจายการเดินทางทั้งจังหวัดกว่า 5 แสนคน ทำรายได้ 810 ล้านบาท มีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 73 % สามารถรักษาอัตลักษณ์การเล่นสงกรานต์ไร้แอลกอฮอล์ไว้เป็นอย่างดี
“หนองคาย” จัดครั้งแรก “สงกรานต์สองฝั่งโขง” กับ “สงกรานต์ผ้าขาวม้า สมนาหลวงพ่อพระใส” มีพลังศรัทธาเข้าร่วมรวมแล้วถึง 1.2 แสนคน ทำอัตราเข้าพักเฉลี่ย 80 % รายได้ 130 ล้านบาท
“นครราชสีมา” จัดสงกรานต์ด้วยขบวนแห่พระคันธารราฐรอดซุ้มประตูชุมพล เมื่อ 12-15 เมษายน 2568 ที่วัดพระนารายณ์มหาราช รอบประตูชุมพล ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) มีจำนวนนักท่องเที่ยวราว 1.1 แสนคน ทำอัตราเข้าพักเฉลี่ย 70% สร้างรายได้ 60 ล้านบาท นักท่องเที่ยวกระจายตัวเล่นน้ำสงกรานต์ในอำเภอเมือง แล้วก็ไปพักตามแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอำเภอปากช่อง เขาใหญ่
“บุรีรัมย์” จัดกิจกรรมท่องเที่ยวคึกคักสม่ำเสมอ ตั้งแต่จัดวิ่งมาราธอน การแข่งขันโมโตจีดี ต่อเนื่องถึงสงกรานต์ ผู้คนเดินทางกลับบ้านมารวมตัวกันที่สนามช้าง อารีน่า และปราสาทจำลอง บุรีรัมย์ ธันเดอร์ คาสเซิล ตลอดเทศกาลกว่า 90,000 คน สร้างรายได้ 190 ล้านบาท
เรื่องโดย #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen
ที่มาข่าว : มติชนออนไลน์ ข่าวทันเหตุการณ์ สรุปข่าวทุกชั่วโมง ไม่มีวันหยุด
สรุปข่าวร้อนทุกชั่วโมง Hot News Delivery
อลงกต แจง ใครไม่พอใจ ประเมินผลกระทบหลังแผ่นดินไหว ส่งเรื่องมาที่ส.ว.ได้ เตรียมชงปรับหลักเกณฑ์ เพิ่มค่าเสียหาย หลังเกณฑ์ไม่สอดคล้องความเป็นจริง เหตุปัจจุบันค่าวัสดุแพงขึ้น ด้าน “กมธ.องค์อิสระฯ ” เล็ง หาตัวการเริ่ม 23 เม.ย. นี้ กำหนดกรอบ 90 วัน
เมื่อวันที่ 21 เมษายน ที่รัฐสภา นายอลงกต วรกี ส.ว. ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา แถลงภายหลังการประชุมกมธ.ฯ ว่า กรณีการจ่ายเงินเยียวยาบ้านพักอาศัยหรือคอนโดมิเนียมที่ได้รับความเสียหาย ว่า ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ มีการร้องเรียนว่าได้รับความเสียหายประมาณ 32,279 ยูนิต ผ่านการรับรองแล้ว 878 ยูนิต เป็นยอด ณ วันที่ 19 เมษายน ซึ่งยังสามารถยื่นคำร้องได้ถึงวันที่ 27 เม.ย.นี้
นายอลงกต กล่าวว่า ส่วนกรณีความเสียหายที่เกิดขึ้นในต่างจังหวัด ทราบมาว่า ไม่ค่อยมีปัญหาแต่ที่เป็นปัญหาคือพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งทางวุฒสมาชิก จะมีหนังสือไปยังกระทรวงมหาดไทย สภาวิศวกร เพื่อขอความช่วยเหลือดำเนินการส่งวิศวกร มาช่วยตรวจสอบเพิ่มเติมเนื่องจากบุคลากรกรุงเทพฯ มีไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม คาดว่ากระบวนการจะยังไม่แล้วเสร็จภายใน 90 วัน เนื่องจากมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมากนำตัวเลขที่กล่าวมา และมีความละเอียดอ่อนที่ต้องใช้กระบวนการทำประชาพิจารณ์ และการตรวจสอบของวิศวกรทั้งหมด
นายอลงกต กล่าวว่า ที่ประชุมกมธ. ได้สอบถามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีผู้ได้รับความเสียหาย ได้รับการประเมินราคาเยียวยาอยู่ที่ 70 หรือ 300 บาทในราคาที่ค่อนข้างต่ำ แต่ทั้งนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ยึดระเบียบจากกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้กำหนดราคาความเสียหายไว้ ซึ่งจะคล้ายกับการเกิดกรณีเพลิงไหม้ หรือพายุฤดูร้อน และน้ำท่วม ที่ทำให้บ้านเรือนเสียหาย จะเป็นการยึดตามระเบียบเดียวกัน และทางเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามระเบียบ โดยสามารถจ่ายเงินเยียวยาได้สูงสุดอยู่ที่ 49,500 บาทต่อหลัง และต่อให้บ้านมีราคา 10 ล้านบาท ตามระเบียบก็ให้วงเงินมาเพียงเท่านี้
เมื่อถามว่า วงเงินดังกล่าวเหมาะสมหรือไม่ เนื่องจากอดีตที่ผ่านมาประเทศไทยไม่เคยประสบเหตุแผ่นดินไหว จะต้องมีการปรับระเบียบ นายอลงกต กล่าวว่า หากจะมีการปรับระเบียบต้องไปแก้ระเบียบกระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ ก็จะเป็นกรณีพิเศษเหมือนกับเหตุการณ์น้ำท่วมทางภาคเหนือที่ผ่านมาต้องใช้มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่พบว่ามีความเสียหายเกินกว่าระเบียบที่กำหนดไว้ เป็นเรื่องของข้อกฎหมาย โดยในเรื่องนี้ ส.ว. จะมีข้อสังเกตตรงนี้ ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นความเสียหายมากเกินกว่าที่ระเบียบกำหนดไว้ ต้องมีการเยียวยามากกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งบทบาทของส.ว. มีหน้าที่ตรวจสอบและแก้กฎหมาย ก็จะใช้บทบาทตรงนี้เสนอไป ที่ต้องมีการปรับวงเงินมากกว่าปัจจุบัน และในระเบียบเดิมจะตีเป็นการเหมาจ่ายจะรวมค่าแรงด้วย แต่ที่มีความเป็นห่วงคือค่าวัสดุ อุปกรณ์ ที่อาจจะไม่สอดคล้องกับราคาปัจจุบัน ก็จะส่งข้อสังเกตดังกล่าวไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย
นายอลงกต กล่าวว่า ตอนนี้ต้องเชื่อวิศวกรที่เป็นผู้ประเมิน แต่หากประชาชนไม่พอใจในราคาประเมินก็สามารถยื่นอุทธรณ์ตามกระบวนการได้ หากอุทธรณ์แล้วยังไม่พอใจ ก็สามารถส่งเรื่องมาที่ ส.ว.ทั้งนี้ยืนยันว่าผู้เสียหายที่ได้ยื่นเรื่องมาจะรับการเยียวยาทุกคน แต่อาจจะมีล่าช้าบ้าง แต่ชัวร์ ซึ่งกระบวนการตั้งเป้าว่าให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน ที่คาดว่าจะจบภายใน 27 มิถุนายน โดยเฉพาะต่างจังหวัดน่าจะจบ แต่กรุงเทพมหานคร อาจจะล่าช้าเนื่องจากวิศวกรไม่พอ
เมื่อถามถึงกรณีที่มีประชาชนที่ยังไม่ได้ไปยื่นหนังสือ เพราะ มองว่าหากไปยื่นก็ไม่คุ้มค่า นายอลงกต กล่าวว่า จุดอ่อนของกรุงเทพฯ คือแทนที่จะทำงานเชิงรุกไปสำรวจความเสียหาย แต่กลับรอให้ประชาชนมายื่นคำร้อง แต่เข้าใจว่าบุคลากรมีไม่เพียงพอจริง แต่ขอพูดในฐานะคนกลางที่เห็นใจทั้งกทม.และประชาชน และมาเจอคำถามขณะยื่นคำร้องว่า พังเสียหายจริงหรือไม่ ซึ่งหน่วยราชการควรถามว่า พังเสียหายระดับนี้จะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง อย่างไรก็ตาม หากมีการร้องเรียนเข้ามาทางกมธ. จะมีการเรียกหน่วยงานเข้ามาชี้แจงเพิ่มเติม
ด้านนายสิทธิกร ธงยศ ส.ว. และโฆษกกมธ.องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ และการเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา กล่าวว่าในวันพุธที่ 23 เมษายน นี้ กมธ.องค์กรอิสระฯ จะประชุมเพื่อติดตามตรวจสอบหาข้อเท็จจริง กรณีเหตุการณ์ตึกสตง. แห่งใหม่ ถล่ม โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านอาคารสูง และหน่วยงานต่างๆ และส.ว.ที่เป็นวิศวกร เข้ามาหารือและร่วมตรวจสอบ โดยคาดว่าจะใช้กรอบเวลาไม่เกิน 90 วัน จะได้ข้อสรุป ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร หากพบมีใครเกี่ยวข้อง หรือเป็นตัวการที่มีส่วนเกี่ยวข้องทำให้โครงสร้างอาคารพังลงมา ก็จะยื่นองค์กรอิสระให้มีการตรวจสอบต่อไป
ที่มาข่าว : มติชนออนไลน์ ข่าวใหม่ทันเหตุการณ์ สรุปข่าวเด่นในทุกชั่วโมง
เปิดศึกชานมไข่มุก เสือพ่นไฟ VS หมีพ่นไฟ ใครชนะ
ศึกชิงเจ้าตลาดและการละเมิดเครื่องหมายการค้ามีอยู่คู่สังคมไทยมาเนิ่นนาน เหมือนกับการเปิดร้านข้าวมันไก่หน้าปากซอย หากขายดี
ปีนี้หนาวแน่ ที่แย่คือหนาวยาว
ปี 2564 นี้ เห็นหลายคนบอกหนาวยาว เพราะจากการดูสภาพอากาศแบบมโนไปเอง มันเริ่มจะค่ำเร็วมาตั้งแต่ก่อนกลางเดือนตุลาคม 64 แล้ว
Ora Good Cat มิติใหม่ของรถยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต
สถานการณ์โควิด-19 ทำประเทศไทยย่อยยับในเกือบทุกธุรกิจ แต่ใครว่าคนไทยจะยากจนย่อยยับไปตามสถานการณ์