กรมอนามัย แนะ 7 ข้อ รับมือ ‘อากาศร้อน’ เลี่ยงกิจกรรมกลางแดดจัด ระวัง! ฮีตสโตรก
วันนี้ (18 มีนาคม 2568) พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้ข้อมูลว่า จากสถานการณ์ความร้อนในเดือนมีนาคม พบว่าบางวันมีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ประกอบไปด้วยจากการเฝ้าระวังค่าดัชนีความร้อน หรือ Heat Index ของประเทศไทย ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่เรารู้สึกร้อนมากกว่าอุณหภูมิจริง
โดยการวิเคราะห์จากค่าอุณหภูมิประกอบไปด้วยความชื้นสัมพัทธ์ โดยแบ่งระดับความรุนแรงต่อสุขภาพเป็น 4 ระดับ ความหมาย ระดับเฝ้าระวัง (สีเขียว) ระดับเตือนภัย (สีเหลือง) ระดับอันตราย (สีส้ม) และก็ระดับอันตรายมาก (สีแดง) ซึ่งจากการคาดการณ์ค่าดัชนีความร้อน ตั้งแต่วันที่ 5 – 14 มีนาคม 2568 พบว่า มีค่าดัชนีความร้อนอยู่ที่ 42.0 – 51.9 องศาเซลเซียส ซึ่งอยู่ในระดับอันตราย (สีส้ม) โดยเฉพาะในภาคใต้ภาคกลาง ภาคตะวันออก ร่วมกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งจะผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยจากความร้อน เช่น ผื่น ตะคริว ลมแดด เพลียแดด และฮีตสโตรก ซึ่งเป็นอาการที่รุนแรงที่สุดของโรคที่เกิดจากความร้อน เนื่องจากอาจทำให้เสียชีวิตได้ โดยผู้ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้ง ผู้ที่ติดสุรา ผู้ที่มีภาวะทางจิตเวช ผู้โรคที่มีภาวะอ้วนแล้วก็ผู้ที่มีโรคประจำตัว
นพ.ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยจึงแนะนำวิธีปฏิบัติตน เพื่อป้องกันอันตรายจากความร้อน 7 ข้อ 1.ติดตามข่าวพยากรณ์อากาศ ค่าดัชนีความร้อน รวมทั้งพิจารณาเลี่ยงการทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง ในช่วงที่อากาศร้อนจัด หรือดัชนีความร้อนอยู่ในระดับอันตราย 2.ดื่มน้ำสะอาดบ่อยๆ โดยไม่ต้องรอให้กระหายน้ำ ร่วมด้วยสังเกตสีปัสสาวะ หากมีสีเข้ม แสดงว่าร่างกายขาดน้ำ ให้ดื่มน้ำทันที 3.งดดื่มแอลกอฮอล์ ของมึนเมา เครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลสูง เช่น น้ำหวาน น้ำอัดลม เป็นต้น 4.สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี 5.ยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาแก้คัดจมูก ยาขับปัสสาวะ ยารักษาจิตเวช อาจส่งผลต่อการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ผู้ที่กินยาดังกล่าวจึงควรหมั่นสังเกตอาการตนเองหากมีอาการผิดปกติ ให้รีบพบแพทย์ทันที 6.ผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง หรือออกกำลังกายกลางแจ้ง ควรอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เพื่อคอยสังเกตอาการซึ่งกันรวมทั้งกัน 7.ผู้สูงอายุ ควรดื่มน้ำบ่อยๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ อยู่ในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เลี่ยงการอยู่กลางแจ้งในช่วงที่อากาศร้อนจัด และสังเกตอาการผิดปกติเป็นพิเศษ
“หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีผิวหนังร้อนแดง ชีพจรเต้นเร็วรวมทั้งแรง ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ สับสน รวมทั้งความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลงไป ตอบสนองช้า พูดจาสับสน กระวนกระวาย มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง ก้าวร้าว
ประสาทหลอน ซึมลง เป็นลม หมดสติ ให้รีบปฐมพยาบาล โดยผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณหลังคอ รักแร้ ขาหนีบ เพื่อให้อุณหภูมิร่างกายลดลงโดยเร็ว รวมทั้งนำรีบส่งโรงพยาบาล
หรือโทร 1669” นพ.ธิติ กล่าว
เนื้อหาเรียบเรียงใหม่จากต้นฉบับข่าวทาง มติชนออนไลน์ อย่าพลาดเรื่องราวใหม่ ๆ จากเรา ที่เดียว คนเขียนบล็อก รวมเนื้อหาสำหรับคนที่สนใจในการเขียนบล็อก ทำเว็บ