แลกเปลี่ยนข่าวสาร ไอเดียเขียนบทความ

การรับเบี้ยผู้สูงอา...
 
Notifications
Clear all

การรับเบี้ยผู้สูงอายุล่าสุด ตามหลักเกณฑ์ใหม่

1 Posts
1 Users
0 Reactions
794 Views
Posts: 23
Admin
Topic starter
(@admin)
Trusted Member
Joined: 11 years ago

เปิดหลักเกณฑ์ใหม่ เบี้ยผู้สูงอายุ ใครได้รับสิทธิ ใครไม่ได้บ้าง หากเทียบคุณสมบัติผู้ได้รับสิทธิทั้งฉบับก่อนหน้า-ฉบับใหม่ เปลี่ยนไปอย่างไร ใครรับสิทธิได้ ใครรับสิทธิไม่ได้

เบี้ยผู้สูงอายุยังเป็นเรื่องราวที่เป็นที่ถกเถียงของสังคมไทยอย่างต่อเนี่อง จากการออกระเบียบฉบับใหม่ของกระทรวงมหาดไทย ที่กำหนดคุณสมบัติล่าสุดของผู้มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โดยการกำหนดคุณสมบัติใหม่ในครั้งนี้เป็นที่สนใจของสังคมไทยถึงสวัสดิการเบี้ยผู้สูงอายุว่าจะมีหลักเกณฑ์การจ่ายที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมขนาดไหน

หลักเกณฑ์ รวมถึงคุณสมบัติผู้ที่ได้รับเบี้ยผู้สูงอายุ แบบเดิม VS แบบใหม่

หลักเกณฑ์เดิม ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับการเบิกจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ เมื่อปี 2552 ระบุว่า "ไม่เป็นผู้ได้รับสวัสดิการ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นฯ"

เบี้ยผู้สูงอายุ แบบเก่า

อธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้น ก็ความหมาย ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป หากไม่ได้รับเบี้ยหวัดบำเหน็จ บำนาญ สามารถรับสิทธิเบี้ยผู้สูงอายุได้ เพียงยืนยันสิทธิขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้ ต้องตรวจสอบเกณฑ์ตามเงื่อนไขข้างต้น หากตรงตามหลักเกณฑ์ก็รับเงินได้เลย

หลักเกณฑ์ใหม่ ที่ประกาศล่าสุด เมื่อ 12 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ระบุว่าต้องเป็น "ผู้ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอ แก่การยังชีพตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด"

เบี้ยผู้สูงอายุ แบบใหม่

ซึ่งหลักเกณฑ์ใหม่นี้ จะเปลี่ยนไปจากการที่ให้สิทธิทุกคนที่ไม่ได้รับเบี้ยบำเหน็จ บำนาญของข้าราชการ มาเป็น การให้สิทธิเฉพาะผู้ที่ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอ ตามคุณสมบัติที่คณะกรรมการกำหนดไว้

หากดูรายละเอียดของระเบียบฉบับล่าสุดนั้น แม้ว่าจะมีการระบุบทเฉพาะกาลไว้ว่า หากคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ยังไม่มีการกำหนดคุณสมบัติอย่างชัดเจน ให้ใช้ระเบียบการเบิกจ่ายฉบับเดิมไปก่อน จนกว่าจะมีการกำหนดคุณสมบัติอย่างชัดเจน

คำถามใหญ่ที่ยังเป็นที่สงสัยต่อของสังคมจะเป็นดังเช่น อะไรหมายความสิ่งที่จะบ่งบอกว่าผู้ได้รับสิทธินั้นมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการยังชีพ ซึ่งเรื่องนี้ยังคงต้องรอความชัดเจนของคณะกรรมการผู้สูงแห่งชาติ รวมถึงรัฐบาลใหม่ในการกำหนดความชัดเจนนี้ให้เกิดขึ้น

ระเบียบใหม่ ยกเลิกสิทธิได้ แต่ไม่เรียกเงินคืน

อีกหนึ่งข้อสำคัญที่เพิ่มเข้ามาใหม่หมายความว่า รายละเอียดกรณีการสิ้นสุดการได้รับเบี้ยยังชีพ กรณีพบว่าไม่มีสิทธิรับ โดยระบุว่า "หากผู้สูงอายุที่ไม่มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ แต่ได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุด้วยความสุจริต ให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนรายงานผู้บริหารท้องถิ่นทราบ เพื่อระงับการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อไป โดยยกเว้นการเรียกเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุคืน"

นั่นก็หมายความว่า หากได้รับสิทธิแล้ว รวมถึงตรวจสอบภายหลังว่าไม่มีสิทธิรับ จะไม่ได้รับเงินดังกล่าวอีกต่อไป แต่เบี้ยผู้สูงอายุที่ได้รับไปก่อนหน้านี้ หากได้รับโดยสุจริต ไม่มีการทุจริตใด ๆ ก็จะไม่ถูกเรียกคืน

การลงทะเบียนรับสิทธิ เบี้ยผู้สูงอายุ ทำเช่นไร

คุณสมบัติหลัก 3 ข้อพื้นฐาน สำหรับผู้ที่มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ มีดังนี้

  1. มีสัญชาติไทย
  2. มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
  3. มีอายุ 60 ปี บริบูรณ์ขึ้นไป ซึ่งได้ยืนยันสิทธิขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 59 ปีบริบูรณ์สามารถไปลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ของปีนั้น บวกกับเมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ในปีถัดไป ก็จะได้รับเบี้ยผู้สูงอายุตั้งแต่เดือนตุลาคมในปีนั้น ๆ โดยสามารถไปลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพด้วยตัวเองได้ตั้งแต่วันที่ 1-30 พ.ย.ของทุกปี แต่ถ้าหากลงทะเบียนช้า หรือรอลงทะเบียนเมื่อครบ 60 ปีบริบูรณ์ ก็จะได้รับเงินในปีถัดไป

ทั้งนี้ ผู้สูงอายุสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมของทุกปีเป็นต้นไป โดยจะต้องเป็นผู้ที่เกิดก่อนวันที่ 2 กันยายน-1 ตุลาคมของปีนั้น ๆ จึงจะลงทะเบียนล่วงหน้าได้ โดยเป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพถัดจากเดือนที่มีอายุครบ 60 ปี นั่นก็ความหมายเดือนตุลาคมปีนั้น ซึ่งก็หมายความอายุครบ 60 ปีเต็มในเดือนตุลาคม 2565

อายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ แต่ยังไม่เคยลงทะเบียน ต้องทำเช่นไร

สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่เดือน มกราคม-กันยายน 2566 จะมีสิทธิได้รับเงินเบี้ยผู้สูงอายุ 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป (ปีงบประมาณ 2567) โดยเตรียมหลักฐานเพื่อลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ดังนี้

1.กรณีลงทะเบียนด้วยตนเอง

  1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 1 ชุด
  2. สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 1 ชุด
  3. สำเนาสมุดบัญชีเงินฝาก (ออมทรัพย์) จำนวน 1 ชุด

2.กรณีผู้สูงอายุไม่สามารถไปลงทะเบียนได้ด้วยตัวเอง ต้องเตรียมเอกสารเพิ่มคือ

  1. หนังสือมอบอำนาจ (ยื่นแบบฟอร์มให้ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง)
  2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ จำนวน 1 ชุด
  3. สำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับมอบอำนาจ จำนวน 1 ชุด

เรียบเรียงใหม่จากเนื้อหาเรื่อง : และอย่าพลาดเรื่องราวใหม่ ๆ จากที่นี่ ที่เดียว

บริการ Guest Post กับเรา ฟอรั่มคนเขียนบล็อก

ไอเดียเขียนบทความแบบข่าวเด่น

บทความ SEO

การทำ SEO ในปี 2024-2025 ถึงจะล้าสมัยแต่ใช้งานได้อยู่

ทำ SEO ในปัจจุบัน ไม่ต้องเยอะ แค่เปลี่ยนเนื้อหาให้เข้ากับสถานการณ์ ให้มันเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น แค่นี้คือจบ

กดเพื่ออ่านเรื่องนี้

เล่าความผ่านเว็บ

ช่วงนี้มีแต่ข่าวน้ำท่วม

เบื่อนะ ช่วงนี้มีแต่ข่าวน้ำท่วม ทั้งที่ข่าวมันก็ซ้ำๆ กันในหลายสำนัก เปิดทีวีมาเจอช่องข่าวต่าง ๆ รายงานข่าวเดียวกัน สถานที่เดียวกัน

กดเพื่ออ่านเรื่องนี้

ท่องเที่ยว

เหตุผลที่ควรเลือก แผนประกันเดินทางต่างประเทศ ให้เหมาะสม

เหตุผลที่ในการเลือก แผนประกันการเดินทางต่างประเทศ เพื่อให้เหมาะสมกับตัวคุณเอง มาดูกันว่า ทำไมถึงจำเป็นต้องมี

กดเพื่ออ่านเรื่องนี้

เทคโนโลยี

Jobs Worker แนะหาแรงงานต่างด้าวถูกกฎหมาย

ต้องการหาแรงงานต่างด้าวถูกกฎหมาย ปรึกษา Jobs Worker เพราะเราคือผู้บุกเบิกธุรกิจบริการจัดหาแรงงานต่างด้าวแบบครบวงจร

กดเพื่ออ่านเรื่องนี้

ท่องเที่ยว

7 คำถามเกี่ยวกับ Verso International School

โรงเรียนนานาชาติ Verso International School จังหวัดสมุทรปราการ เปิดสอนหลักสูตรแบบอเมริกัน ให้นักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล ไปถึงเกรด 12 ครอบคลุมเด็กทุกวัยในระดับชั้นก่อนอุดมศึกษา

กดเพื่ออ่านเรื่องนี้

สุขภาพและแฟชั่น

แนะนำตัวช่วยสำหรับผู้มีบุตรยาก Millenium IVF Clinic

ในการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการ มีบุตรยาก ศูนย์รักษาเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมาก ทำให้คู่สมรสที่มีปัญหา มักมองหาศูนย์ที่ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับเป็นวงกว้าง

กดเพื่ออ่านเรื่องนี้