บอนกระดาดด่าง บทความหรือชื่อเรียกเป็นทางการว่า Alocasia macrorrhizos (L.) G.Don ในประเทศไทยคือเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง บางชนิดกินได้ บางชนิดกินไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่ "กินไม่ได้" เนื่องจากเป็นพิษคล้ายต้นเหรา "(เห-รา)" ซึ่งพูดได้ว่าจัดเป็นพืชล้มลุกที่มีความสูงเฉลี่ย 2 เมตร รวมทั้งขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ขยายพันธุ์ด้วยเหง้าหรือหัวที่อยู่ใต้ดิน มีลำต้นสั้น ใบเดี่ยวตั้งตรงเรียงเวียนสลับกันไป ลำต้นสามารถมีความกว้างได้ถึง 60 ซม.
ลำต้นของบอนกระดาดมีความยาวถึง 90 ซม. ปลายติ่งแหลม โคนเว้าลึก ขอบเป็นคลื่น แผ่นใบสีเขียวเรียบเป็นมัน มีเส้นแขนงใบข้างละ 5-7 เส้น ก้านใบใหญ่ ยาว 1.2-1.5 เมตร จะมีรอยด่างปื้นสีขาวอมเทากระจายไม่เป็นระเบียบ ทำให้เกิดลวดลายที่พริ้วสวยงาม
สายพันธุ์บอนกระดาดด่าง ที่นิยมปลูก
บอนกระดาดด่าง จะขยายพันธุ์จากเหง้าเหมือนบอนทั่วไป สายพันธุ์บอนกระดาดด่าง นั้นอยู่ในสายพันธุ์บอนกระดาดทั่วไป แต่ความด่างจะเกิดจากความผิดปกติที่ธรรมชาติกำหนด
อย่างที่รู้กันดีว่าไม้ด่างทั่วไปที่พบเจอ มาจากพันธุ์ปกติ เพียงแต่เกิดผิดปกติด้านพันธุกรรมจากธรรมชาติ ส่วนบอนกระดาดนั้น ก็มี 3 ชนิดที่พบมากรวมทั้งนิยมในบ้านเรา ได้แก่ ต้นกระดาดขาว หรือกระดาดเขียว หรือกระดาดทอง (Alocasia indica Schott) ต้นกระดาดแดง (A. indica Schott var. metallica Schott) ต้นกระดาดดำ (A. macrorhiza (L.) G.Don)
จากข้อมูลของกรมป่าไม้ บอนกระดาดทั้ง 3 ชนิดใช้ชื่อวิทยาศาสตร์เหมือนกันคือ A. macrorhiza (L.) G.Don ทีนี้ หากใครได้ยินหรือได้เห็นว่า บอนกระดาดนั้นมีชื่อแตกต่างกันออกไปเช่น อโลคาเซีย (Alocasia) / กระดาด / บอนกระดาด / หูช้าง (Elephant Ear / Giant Taro) ก็สรุปสั้นๆ ไว้เลยว่า เป็นพันธุ์เดียวกันแต่แตกต่างกันไปตามชนิด
เรื่องบอนกระดาดด่าง ที่น่าสนใจ
- วิธีดูแลบอนกระดาด ทั้งด่างรวมทั้งไม่ด่าง
- การเลือกต้นพันธุ์บอนกระดาดอย่างถูกวิธี ไม่ให้โดนหลอก
- วิธีการทำให้ต้นไม้มีใบด่าง
บอนกระดาดด่าง จะชนิดไหนก็ขึ้นอยู่กับว่ากระดาดอะไรจะด่าง รวมทั้งก็ถือเป็นพันธุ์เดียวกันกับข้อมูลข้างต้น รวมทั้งให้สังเกตุที่ก้านใบ
ไม้ด่างเกิดขึ้นได้อย่างไร
- การขาดแสงสว่างอย่างเพียงพอ ข้อสังเกตุไม้ด่างหลายชนิด โดยเฉพาะ กล้วย บอน หรือพันธุ์ไม้อื่นๆ จะพบเจอได้ตามป่าที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอ ทำให้เกิดการสร้างเม็ดสีที่ไม่สม่ำเสมอของใบ
- การขาดสารอาหาร แน่นอนว่าเมื่ออยู่ในป่า มีต้นไม้ใหญ่แทรกรวมทั้งขึ้นปกคลุม จึงต้องแย่งกันหาอาหาร ทำให้สารอาหารไม่เพียงพอจึงเกิดความผิดปกติขึ้นที่รูปใบ เพราะสารรวมทั้งแร่ธาตุบางตัวมีผลต่อการสร้างเม็ดสีของใบ
- เนื้อเยื่อใบมีอากาศมาก อาการดังกล่าวส่งผลให้เมื่อแสงแดดไปตกกระทบตรงใบจะเกิดการหักเหของแสง ทำให้ใบเป็นสีต่างๆ เช่นเทาเงิน แดง หรือน้ำตาล คุณลักษณะนี้จะพบมากในป่าธรรมชาติ รวมทั้งอาการดังกล่าวจะเป็นถาวรไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งพูดได้ว่าส่งผลต่อต้นที่เกิดกับต้นแม่เดิมในลำดับต่อไปด้วย รวมทั้งสามารถจำแนกเป็นพันธุ์อื่นได้ เช่น พลูลงยา แนบอุรา หรือคล้าบางชนิด
- เกิดความผิดปกติทางพันธุกรรม เกิดจากการได้รับสารเคมีหรือสารกำมันตภาพรังสี ทำให้ต้นไม้ดังกล่าวกลายพันธุ์จากเดิม นอกจากนี้ยังใช้ในวงการตัดแต่งพันธุ์ต้นไม้เพื่อให้ได้สายพันธุ์ใหม่ที่มีความทนทานหรือมีลักษณะที่เด่นกว่าพันธุ์เดิม แต่ไม่สามารถควบคุมให้เป็นไปตามที่ต้องการได้ โดยต้นแม่พันธุ์นั้นจะมีความสำคัญในการควบคุมลักษระด่างได้ดีกว่าต้นพ่อพันธ์ุ
- เกิดจากโรคบางชนิด อาจเป็นอาการของโรคใบด่างในต้นไม้ หรือ Mosaic Virus ซึ่งพูดได้ว่าเกิดจากไวรัสเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อรวมทั้งสารคลอโรฟิลล์จนส่วนต่างๆ ของต้นรวมทั้งใบไม่สร้างเม็ดสีธรรมชาติ