เรื่องยอดฮิต กระแสไม้ด่างพ่อบ้านใจกล้า เอาทองเมียไปขาย มีรายได้กลับที่ไม้ด่าง
นายธนกร เพ็งนาเรนทร์ อายุ 37 ปี เลขที่ 412 หมู่ 13 ต.บ้านบึง อ.บ้านคา จ.ราชบุรี ให้ข่าวว่า ก่อนหน้านี้ทำงานมาหลายอาชีพ ทั้งทำไร่สับประรด ไร่มะกรูด สวนยางพารา พ่อค้าขายผัก เลี้ยงนกหัวจุก นกเลิฟเบิร์ด แต่รายได้ไม่เพียงพอ จนเป็นหนีเป็นสินจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์ปัญหาโรคโควิด- 19 ระบาด จึงได้มองหาอาชีพเสริม เพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัว ซึ่งที่ผ่านมาเห็นว่ามีการนิยมเล่นหาซื้อไม้ด่างกันในราคาสูงมาก
จึงตัดสินใจยืมทองคำของภรรยา ที่ได้เก็บไว้ในช่วงแต่งงาน รวมแล้วมีทองคำอยู่ประมาณ 60 บาท ทยอยนำไปขายได้เงินสดมาประมาณ 1,600,000 บาท จากนั้นได้เริ่มหาซื้อหน่อกล้วยด่างสายพันธุ์แดงอินโดมาทดลองปลูก บนเนื้อที่ประมาณ 200 ตารางวา เนื่องจากตนมองว่ากล้วยด่างน่าจะมีราคาสูง ขายได้ราคาดี จากนั้นเมื่อกล้วยด่างออกหน่อมา ก็ได้โพส ขายผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ทำให้เป็นที่รู้จัก มีลูกค้าสนใจติดต่อเข้ามาขอซื้อเรื่อย ๆ และเริ่มขยายหน่อปลูกเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นที่สนใจของคนในวงการกล้วยด่างมาก ทำให้ตอนนี้มีต้นแม่พันธุ์ราคาหลัก 10 ล้านบาท อยู่ประมาณ 50 ต้น
ยืมทองเมียไปขาย เอาเงินไว้ปลูกไม้ด่าง จนได้พันธุ์ใหม่
ส่วนกล้วยต้นที่ยืมทองเมียมาซื้อ ตอนนี้มีคนให้ราคาแล้ว 2 ล้านบาท แต่ยังไม่ขาย เพราะมีลูกค้าจองหน่อไว้แล้ว จึงได้ตั้งชื่อว่า "กล้วยด่างแดงอินโด ทองคืนเมีย" เพราะเอาทองไปขายเพื่อมาลงทุนซื้อ เมื่อขายได้ก็จะเอา ทองคืนเมีย ตอนนี้ขายหน่ออยู่ราคาหลักแสน จนถึงหลักล้านบาท โดยได้ขยายหน่อพันธุ์ปลูกเรื่อยมา จึงมองว่าราคากล้วยด่างได้ถีบตัวสูงขึ้นมาก และยังมีกล้วยด่างที่ชื่อ "ทองคันนา" ซึ่งได้ซื้อมาเมื่อเดือนพฤษภาคมนี้ มีลักษณะพิเศษคือลวดลายที่ใบละเอียด มีสีทองเคลือบ มีคนปลูกทิ้งไว้ข้างคันนา เป็นดินทุ่งนาที่ค่อนข้างเหนียว ตนเองได้ซื้อมาในราคา 2 แสนบาท มีใบเป็นลายสีทองจึงตั้งชื่อว่า "ทองคันนา" ตอนนี้สามารถขยายพันธุ์ได้จนมีอยู่ 9 หน่อแล้ว ปัจจุบันมีลูกค้าจองเอาไว้ประมาณ 3 หน่อ หน่อละ 2 ล้านบาท โดยลูกค้าได้ฝากให้เลี้ยงดูแลไว้ให้โตก่อนจะมารับไป
ซึ่งกล้วยด่างหลายสายพันธุ์ที่ปลูกไว้เป็นจำนวนมาก มีทั้งหน่อเล็กที่ลูกค้าสั่งจองไว้ ต้นใหญ่หลายขนาด ต้นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ซึ่งแต่ละต้นมีราคาตั้งแต่หลักแสนไปจนถึงหลักหลายล้านบาท บางต้นมีลูกค้าสั่งจองและนำชื่อมาเขียนปักไว้เป็นสัญลักษณ์ โดยจะเลี้ยงให้โตได้ขนาดก่อนส่งมอบในระยะต่อไป
กล้วยด่างพันธุ์ทองคืนเมีย ประวัติ ที่มาน่าสนใจได้แนวคิดจากข่าว นอกจากการเพาะเลี้ยงกล้วยด่างแล้วยังมีการเพาะเลี้ยงต้นบอนหูช้างด่างขาว และ ต้นออดิบใบด่างสีทอง โดยเพาะขยายหน่อปลูกใส่ตะกร้า เลี้ยงดูแลใช้พื้นที่เกือบ 100 ตารางวา สำหรับบอนหูช้างด่างขาว หรือ Acolocasia gageana variegated เป็นไม้ฟอกอากาศลักษณะใบมีลักษะเป็นลายละเอียดเล็ก ๆ มีทั้งลายด่างขาว และลายด่างเหลือง ด่างสีทอง ราคาเล่นหากันหลักหมื่นไปจนถึงหลักล้านบาทขึ้นอยู่ที่ขนาดของลำต้นและลวดลาย
โดยแรกเริ่มนั้นพบว่ามีกระแสข่าวหนุ่มจังหวัดฉะเชิงเทรา นำบอนหูช้างด่างขาวแลกกับรถหรู ได้ 1 คัน เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 54 ที่ผ่านมา เช่นเดียวกันกระแสข่าวการขายต้นออดิบด่างเหลืองของหนุ่มเจ้าของร้านอาหารที่จังหวัดพังงา สามารถขายได้เงินในราคาต้นละครึ่งล้านบาทมาแล้ว ส่งผลให้กระแสไม้ด่างเริ่มคึกคักขึ้นมาอีกครั้งในตอนนี้
มองว่ามีคนเริ่มนิยมบอนและไม้ด่างมากขึ้น หลังจากที่ราคากล้วยด่างถีบตัวสูงขึ้นมาก ตนเลยพยายามหาไม้ด่างอื่นมาทดแทน จนกลายเป็นไม้บอน ทำให้ตนจึงตัดสินใจนำเงินจากการขายกล้วยด่างมาซื้อบอนเข้ามาปลูกเพิ่มเติม และเดินตลาดคู่กันระหว่างขายกล้วยด่างและบอน ทางตลาดออนไลน์และขายกันแบบปากต่อปาก ซึ่งจะมีบอนหูช้างเป็นหลัก และออดิบ ที่ภาษาภาคกลางเรียกคูณด่าง ซึ่งจะมีลวดลายต่างกัน ขณะนี้ตนมีต้นออดิบ ชื่อหยาดพิรุณ คือ มีลายกระจายเหลือง มีสิบกว่าลายในกลุ่มออดิบที่มีอยู่ โดยมีราคาแพงสุดได้ซื้อมาต้นละ 4 แสนบาท สำหรับนักเล่นที่นิยมชื่นชอบไม้ประเภทนี้ ซึ่งราคาก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของทั้งสองฝ่าย
ด้านนางนิภารัตน์ เพ็งนาเรนทร์ อายุ 37 ปี ภรรยา ให้ข้อมูลว่า สามีได้เอาเงินไปซื้อกล้วยด่างมาเลี้ยงตอนหลังได้มาขอทองคำที่สะสมไว้นำไปขายเรื่อย ๆ จนเหลือแค่แหวน 2 วง คือ แหวนแต่งงาน เมื่อเลี้ยงเพาะพันธุ์แล้วขายได้เรื่อยๆ ซึ่งมีต้นกล้วยแดงอินโดลักษณะพิเศษของลาย สวยงดงามอยู่ต้นหนึ่ง จึงขอให้เป็นชื่อสายพันธุ์นี้ว่า "ทองคืนเมีย" สามีก็เลยเขียนชื่อปักไว้ที่บริเวณโคนต้นในตะกร้าที่ปลูกไว้รอการขาย ตามที่เสนอไปเรื่องหนุ่มยืมทองเมียไปขายเอาเงินปลูกไม้ด่างนั้น ตอนนี้รู้สึกปลื้มใจกับความสำเร็จของครอบครัวที่สามารถเพาะขยายพันธุ์กล้วยด่าง และขายได้จริงในราคาหลักหลายล้านบาท